วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การบำรุงรักษาหม้อข้าวหม้อแกงลิงเพาะเมล็ด

เคยทำทิ้งไว้ในไทยซีพีเอสไว้แล้ว แต่ว่าอยากเอามาลงที่นี่ด้วย กะว่าจะถ่ายรูปใหม่หมดอยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือ มันไม่ว่างที่จะทำแล้ว เลยขอเอารูปเก่ามาใช้นะฮะ ตกลงหลังจากที่เมล็ดงอกแล้วเรียบร้อย ก็มาถึงภาชนะปลูก แนะนำให้เพาะเป็นแบบอบในถุงพลาสติก ให้มีมวลอากาศภายในเยอะๆ ทรงสูงๆ เท่าที่ถุงพลาสติกจะรับได้ การเจาะรูผมจะเจาะให้มีมวลอากาศไหลเวียนถ่ายเทได้ดี จนสามารถวางกลางแดดใต้ซาแรน 50% ได้เลยนะครับ
ที่เห็นภาพบนเป็น เมล็ด N. rafflesiana เพาะประมาณ มีนาคม 2556 ยังไม่เคยเปลี่ยนเครื่องปลูกเลย บำรุงรักษาเหมือนกันทุกอย่าง กับภาพถัดไป ถ่ายภาพ 20 พ.ย. 2556 ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน เมื่อก่อนตัวผมเองก็ติดอยู่กับคำว่า เพาะเมล็ดมันต้อง 2 ปี ลูกไม้ถึงจะใช้ได้ ปัจจุบันได้ลองด้วยตัวเองในหลายๆ ตะกร้า ในหลายๆ ชนิด พบว่าการหมั่นดูแล และใจใส่ลูกไม้ จะทำให้ลูกไม้โตเร็วมากกว่าเดิมเยอะเลย มีบางคู่ผสมที่โตช้าหน่อย เพราะพ่อหรือแม่ โตช้านั่นเอง สรุปง่ายๆ ผมได้ทำ valid date ของลูกไม้ทั้งโรงเรือนเล็กๆ ของผม โดยเฉลี่ยแล้วได้ผลออกมาดีกว่าที่เคยเพาะผ่านมาทั้งหมด ไม่ได้ทำ valid date ทีเดียวแล้วเอามาพูดนะครับ

กล่องแบบนี้ไม่แนะนำให้เอามาใช้
N. rafflesiana ที่ทำโครงลวดสูงขึ้นมาแล้วหุ้มด้วยถุงพลาสติกเจาะรูเยอะ
ส่วยรูปตะกร้าสีฟ้านั้น ก็เพาะวันเดียวกัน จะโตได้ดีกว่า ผมใช้ลวดมาทำเป็นโครงไว้ แล้วก็หุ้มถุงพลาสติก ถุงที่ใช้ผมใช้ถุงเหนียว ที่เค้าใช้ใส่ผักขายตามตลาดขนาด 20x30 นิ้ว หรือ 18x28 นิ้วก็ได้เช่นกัน ใช้ถุงใหญ่ๆ คุณจะเพิ่มความสูงของลวดได้เยอะ อย่าลืมเจาะรูเยอะหน่อย แรกๆ อาจจะยังไม่ชำนาญ ให้หมั่นสังเกตุครับ สักพักก็ชำนสญไปเอง ข้อดีของวิธีนี้ก็คือ วัชพืชจะกวนน้อยมาก และไม่ต้องรดน้ำบ่อย แต่เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้นเอง ไม่เสียเวลาด้วย ใช้ไปสักระยะถุงจะเปื่อย ก็เปลี่ยนถุงใหม่ และเจาะรูใหม่

ตะไคร่น้ำกับหม้อข้าวหม้อแกงลิง
ทีนี้เมื่อปลูกไปได้สักพัก เราอาจจะเจอพวกตะไคร่น้ำ หรือแผ่นฝ้าสีขาวๆ ค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น วิธีแก้ของผมคือให้เอาออกเป็นประจำ กับให้เจาะรูที่ถุงเพิ่มไปทีละนิด จนไอ้เจ้าพวกนี้เริ่มหายไป ก็ถือว่าใช้ได้ ดีกว่าให้มันคลุมลูกไม้หมด เพราะท่านจะเสียหม้อข้าวหม้อแกงลิงทั้งกระถาง


เตรียมเครื่องปลูกหม้อข้าวหม้อแกงลิง โดยใช้ขุยมะพร้าว กาบมะพร้าวสับเล็ก และทรายเล็กน้อย กับตะกร้าและโครงลวดตามภาพ


ทำการย้ายลูกไม้ทีละต้น ลงมาปลูกในที่แห่งใหม่ ใช้อะไรเขี่ย เครื่องมือหาง่ายสุดก็คือลวด ตะปู (ผมใช้ตะปู 4 นิ้ว) หรือไขควงด้านเล็กๆ คุ้ยๆๆ แล้วหยิบขึ้นมา แล้วก็ทำรูให้มันในที่ปลูกที่ใหม่ เดี๋ยวนี้ผมกลับใช้ฟอร์เซ็บแล้ว หลังจากปลูกแบบนี้ไปแล้ว ผมว่าอีกประมาณ 3 เดือน เราสามารถเอาลงถาง 3 นิ้วได้สบายๆ พร้อมกับระบบรากที่ยอดเยี่ยม และยังต้องหุ้มถุงพลาสติกเหมือนเดิม ในระหว่างนั้น ก็บำรุงด้วยปุ๋ยเกล็ดสูตรเสมอผสมจางๆ เดือนละ 1 ครั้ง ให้ทำอย่างสม่ำเสมอ เราจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยออสโมโคทเลย ตอนที่เราย้ายลงไปใหม่ๆ ลูกไม้ต้องมีเหี่ยวบ้าง แต่มันจะฟื้นตัวภายใน 2-3 วัน ส่วนต้นเล็กๆ จิ๋วๆ ก็คงมีตายบ้างถือเป็นเรื่องปกติ

N. Viking x ampullaria
ถาดด้านบนเป็นเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิง Viking x ampullaria จากคุณchan เพาะเมื่อ 29 ธ.ค. 2555 ถ่ายรูปวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 กี่เดือนล่ะ ประมาณ 11 เดือน size ขนาดนี้ ใครที่ซื้อเมล็ดมาพร้อมผม เอามาเทียบกันดูได้

เมล็ด N. ampullaria
ถาดนี้แอมรวมมิตร เพาะประมาณ มีนาคม 2556 ทั้งคู่ วันที่ถ่ายรูป 20 พฤศจิกายน 2556 ต้นยังเล็กแต่ดูดี ต้นโตๆ เอาลง 3 นิ้วไปแล้ว ใครซื้อไปพร้อมผม ลองเอามาเทียบกันดู และถ้าจะพูดอีกครั้งหนึ่งว่า "เพาะเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิงต้องใช้เวลาถึง 2 ปี มันจริงหรือ" ก็พิจารณาเอาเอง ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคู่ผสม บางคู่ใช้เวลานานก็มี แต่ไม่ใช่ทุกคู่ครับ

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เสียบยอดหม้อข้าวหม้อแกงลิง

เคยเขียนไปแล้ว แต่นึกว่ายังไม่เขียน ที่นี่ครับ เลยซ้ำกัน2 บทความนะครับ ดูอีกรอบแล้วกันครับ

วิธีเสียบยอดใช้กับหม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่เลี้ยงแล้วไม่ค่อยจะโต และทำท่าจะตาย เป็นวิธีที่ต้องใช้ความชำนาญ บางท่านเสียบติดทุกยอด แต่ผมนั้นไม่ ติดบ้างตายบ้าง แต่ก็ยังต้องเสียบยอดอยู่ มาดูกัน


เรื่องแรก ต้องเตรียมต้นตอ ให้ได้ขนาดกับยอด ใหญ่กว่าเล็กน้อยได้ แต่ไม่ควรเล็กกว่า ตอที่ใช้ ควรจะใช้ตอไวกิ้งแอม หรือไวกิ้งราฟ จะดีกว่า เพราะรากเยอะ ขนาดลำต้นใหญ่เร็ว ซ้าย : คือต้นตอ ขวา : คือยอดที่จะนำมาเสียบ


จากนั้นนำตอมาตัด แล้วก็บากตามภาพ อย่าเพิ่งไปตัดยอดที่จะเสียบนะ เผื่อตอเสีย แล้วไม่มีตอสำรองจะได้ไม่เสียยอดไป


จากนั้นตัดยอดมา ควรตัดเผื่อไว้เวลาทำเป็นลิ่มด้วยนะครับ ยอดสั้นๆ จะติดง่ายกว่ายอดยาวๆ
แล้วก็เสียบยอดลงไป จากนั้นนำเชือกฟางมามัดให้แน่นพอควร ถ้ามัดหลวมเกินไป มันจะไม่ติด


จากนั้นนำใส่ถุงพลาสติก คอยดูแลรดน้ำบ้างอย่าให้เครื่องปลูกแห้ง และคอยกุดตาของต้นตอที่มักจะแทงออกมา เพื่อบังคับให้ต้นตอส่งอาหารไปเลี้ยงยอดแต่เพียงอย่างเดียว หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ถ้ายอดยังไม่เหี่ยว ก็มีแนมโน้มว่าติด ประมาณ 2 เดือน ท่านสามารถเปิดถุงได้ และสามารถนำมาเลี้ยงเป็นต้นปกติได้


ภาพบนเป็นยอดที่ทำการเสียบมาแล้ว 4 อาทิตย์ ยอดยังไม่เน่า และยังไม่เหี่ยว ยอดนี้ผมถือว่า 50:50 สังเกตุดูได้ว่าผมมัดแผลไม่แน่น อย่าลืมว่า ต้องมัดให้แน่นนะครับ


ส่วนยอดนี้ มีอายุ 8 อาทิตย์ หรือประมาณ 2 เดือน ก็ติดแล้วเรียบร้อย ส่วนเชือกฟางนั้น ค่อยแกะภายหลังได้ครับ หลังจากที่เรามั่นใจมากแล้วว่า มันจะไม่หลุดออกจากตอ

สุดท้าย จงอย่าลืมว่าหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ควรจะตัดยอดไปเสียบไว้เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เค้าสูญพันธุ์ไปจากบ้านท่าน

วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ไทยหม้อแดง

มีน้องท่านหนึ่งถามผมว่า “พี่ครับ N. Thai หม้อแดง ตกลงมันมีชื่อเรียกจริงๆ ว่าอะไรครับ” ผมก็เลยถามว่า “ทำไมรึครับ” น้องท่านหนึ่งตอบว่า “เค้าลือกันว่า ชื่อนี้มันออกจะมั่วๆ ครับ” แล้วน้องคนนั้นก็เล่าเรื่องราวให้ฟังคร่าวๆ ผมฟังจบ ผมจึงบอกว่า อันที่จริง น้องลองนึกถึง N. Viking  นะครับ ว่าทำไมเค้าเรียกไวกิ้ง ก็เพราะทรงมันดูแล้วเหมือนหัวเรือ แล้วคนตั้งก็นึกไปถึงเรือโจรสลัดไวกิ้ง ดังนั้นมันจึงกลายเป็นชื่อเรียกที่ติดปากไงครับว่าไวกิ้ง แล้วก็ N. Tiger อีกเช่นกัน ตอนที่มันมาที่จตุจักรใหม่ๆ เค้าก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี แต่เค่าสังเกตที่หม้อ ดูมันมีลาย ก็เลยไปเปรียบกับลายเสือ เสือภาษาอังกฤษก็เรียก ไทเก้อ เค้าก็เลยเรียกกันจนติดปากว่า ไทเก้อ เพื่อให้แยกแยะออก ที่ผมเรียกก็คงทำนองนี้มั้งครับ ปัจจุบันทั้งไวกิ้ง และ Tiger ก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อไปเรียบร้อยแล้ว บอกตรงๆ ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะยังเรียกไวกิ้ง และไทเก้อเหมือนเดิม คือมันยังติดปากอยู่ ทำไงได้ แล้วก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรอีกต่างหาก และภาพด้านล่างคือหม้อ up ของเค้าครับ N. ไทยหม้อแดง ภาพหม้อล่างหาไม่เจอซะงั้น



ไอ้เจ้า ไทยหม้อแดง ตัวนี้ ผมเป็นคนเรียกมันเอง ผมได้หม้อข้าวหม้อแกงลิงโคลนนี้มาจากท่านโก้ คลองบางแวก เป็นตัวป่าที่สมัยนั้นอ้อนวอนท่านโก้อยู่นาน กว่าท่านจะขายให้ ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรเหมือนกัน ตอนนั้นก็มีพวกตระกูล GT ออกมาหลายตัวอยู่ ผมก็เลยตั้งชื่อให้มันครับ เพราะมันเก็บมาในบ้านเรา ก็ให้ชื่อว่าไทย อีกทั้งไส้ในก็แดงจับใจ อย่ากระนั้นเลย ผมเลยเรียกมันว่า “ไทยหม้อแดง” ซะเลย เพื่ออะไร ก็เพื่อไม่ให้มันไปซ้ำโคลนอะไรกับคนอื่น ก็เท่านั้นเองครับ ไม่ได้แสดงถึงความเก่งกาจ ความวิเศษ หรือความฉลาดอะไรออกมาเลย ถ้านึกไม่ออกก็เหมือนกับการได้หมามาเลี้ยง แล้วเราก็ตั้งชื่อให้เค้าแหละครับ หวังว่าคุณน้องคงจะเข้าใจนะครับ ว่ามันคือแค่ชื่อเรียก เท่านั้น ส่วนใครจะบอกว่ามันคือตัวนั้น มันคือตัวนี้ มันไม่ได้ยากอะไรครับ ท่านก็เอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (หลักฐานทางไสยศาสตร์ ไม่รู้ใช้ได้หรือไม่ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ) ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ ไปยื่นต่อกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ แล้วจะทำหนังสือของหน่วยงานนั้นๆ ที่รับผิดชอบออกมาเป็นหนังสือออกเลขที่เท่าไหร่ ลงวันที่เท่าไหร่ ลงนามโดยใคร แล้วไปขึ้นทะเบียน จดทะเบียนที่ชาติไหน ก็เชิญครับ คือมันก็แค่ชื่อเรียกบ้านๆ เองนะ ไปตีความกันมากเกิน พิมพ์มาตั้งเยอะ สรุปเลยนะว่า พี่ก็เรียกมันชื่อนี้แหละ