วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

คลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos)

ชื่อการค้า : ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่มีการขึ้นทะเบียนถูกต้อง
ชื่อสามัญ : คลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos)
%สารออกฤทธิ์ : 40% W/V EC
คุณสมบัติ : สารป้องกันกำจัดหนอนกอ หนอนม้วนใบ แมลงสิง บั่ว แมลงกะแท้ หนอนเจาะสมอฝ้าย เพลี้ยอ่อน เสี้ยนดิน ด้วงต่างๆ ออกฤทธิ์สามทิศทาง คือ เป็นทั้งยาน๊อค ยาดูดซึม และไอระเหย
วัชพืชและแมลง : กำจัดหนอนกอ หนอนม้วนใบ แมลงสิง บั่ว แมลงกะแท้ หนอนเจาะสมอฝ้าย เพลี้ยอ่อน เสี้ยนดิน ด้วงต่างๆ
อัตราการใช้/น้ำ20ลิตร : 30-40 ซีซี (ผมใช้ 6ซีซี/4ลิตร)
ขวดนี้ 100 ซ๊ซี ตวงใช้ดีๆ ผมใช้ได้ 16 ครั้ง ก็ประมาณ 2 ปี ยาเริ่มหมดอายุพอดี



คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos) เป็นชื่อสามัญของสารกำจัดแมลงศัตรูพืช มีชื่อทางการค้านับร้อยชื่อ จัดเป็นสารในกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphate Insecticides) สารกลุ่มนี้เป็นสารอินทรีย์ที่มีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบสำคัญ ความเป็นพิษจะแตกต่างกันในสารแต่ละชนิด แม้ว่าจะมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนกัน โดยทั่วไปแล้ว ความเป็นพิษมากหรือน้อยของสารกำจัดแมลง หรือสารพิษใดๆ สังเกตได้จากค่า LD50 (LD50 หมายถึง ค่าความเข้มข้นของสารเคมีที่ทำให้สัตรว์ทดลองตายไปจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ทดองที่ได้รับสารเคมีนั้น) ถ้าค่ายิ่งต่ำแสดงว่ายิ่งมีความเป็นพิษสูง สำหรับคลอร์ไพริฟอสจัดอยู่ในระดับ 2 ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรให้ใช้สารคลอร์ไพริฟอสในการกำจัดหนอนเจาะสมอฝ้าย เสี้ยนดิน เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น ด้วงงวงมันเทศ ผีเสื้อข้าวเปลือก ด้วงงวงข้าว ด้วงงวงข้าวโพด มอดแป้ง มอดสยาม หนอนเจาะลำต้น หนอนเจาะฝัก หนอนหน้าแมว หนอนร่านโพนีตา แมลงดำหนาม และด้วงงวงในกล้วย พืชที่แนะนำให้ใช้ ได้แก่ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง มันเทศ ข้าวเปลือกที่ใช้ทำพันธุ์ นุ่น ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว และกล้วย ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีคำแนะนำให้ใช้ในกลุ่มของพืชผักและไม้ผลแต่อย่างใด ปัจจุบันสารคลอร์ไพริฟอสที่กรมวิชาการเกษตรรับขึ้นทะเบียนมีทั้งหมด 3 สูตร คือ เป็นเม็ด 1 สูตร ความเข้มข้น 5 เปอร์เซ็นต์และเป็นน้ำ 2 สูตร และ 40 เปอร์เซ็นต์ (ที่กำลังกล่าวถึงในบทความนี้) ตามลำดับ

เนื่องจากสารคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายที่มีพิษ ผู้ใช้จึงต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของการป้องกันอันตรายจากสารเคมีทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการสวมถุงมือ หน้ากาก แต่งกายฝห้รัดกุม ฉีดพ่นเหนือลด ระวังไม่ให้สารเข้าตา จมูก และปาก ชำระล้างร่างกายให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้สาร ห้ามคนหรือสัตว์เข้าไปในบริเวณที่ใช้สารอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เป็นต้น นอกจากนี้ สารคลอร์ไพริฟอสยังเป็นพิษต่อปลา ต้องระมัดระวังการชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ รวมทั้งเป็นพิษต่อผึ้ง จึงห้ามใช้ในระยะที่พืชมีดอกกำลังบาน และมีความเป็นพิษต่อตัวห่ำและตัวเบียน จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังเช่นกัน สำหรับระยะปลอดภัย หลังการใช้สาร ต้องเว้นระยะเวลาก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตหลังพ่นสารครั้งสุดท้าย 7 ถึง 14 วัน เป็นอย่างน้อย

ตัวนี้ผมทดลองเพิ่มอัตราเป็น 8 ซ๊ซ๊/4 ลิตร (คือบัวรดน้ำผมความจุ 4 ลิตรนะ) สามารถรดลงบนรังมดคันไฟ แล้วมันตายด้วยนะ แต่อย่าไปรดใกล้ไม้กินล่ะ

Copy ข้อมูลมาจาก
http://www.chiataigroup.com
http://www.atsurin.net

1 ความคิดเห็น: